ประสบการณ์ติวคณิตศาสตร์ O-net (เลขโอเน็ต)
---------------------------------------------------------
111111111111111111111111111111111
111111111111111111111111111111111
สอนเมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2553 เพียง 2 สัปดาห์ก่อนสอบ O-Net 2552
----------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
พี่ได้รับการติดต่อจากคุณพ่อของน้องกวางให้สอนเลขแก่น้องผู้หญิง 3 คนจากโรงเรียนเขมะฯ แผนศิลป์-คำนวณ คือ น้องกวาง น้องมะปราง และน้องมุก ก่อนสอบเลข O-net เพียง 2 สัปดาห์ โดยใช้เวลาติวทั้งหมด 18 ชั่วโมง ครั้งละ 3 ชม.
พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของน้องทั้ง 3 คน
น้องทั้ง 3 คนนั้น มีพื้นฐานเลขระดับปานกลาง คือ
- ท่องสูตรคูณได้คล่อง,
- คูณและหารเลขได้คล่อง,
- หา หรม. ครน. ได้,
- บวกลบเลขเศษส่วนได้,
- ยกกำลัง-ถอดรากได้ (root) ,
- แยกตัวประกอบเป็น เช่น (X + 5)*(X – 3) = 0
- ย้ายข้างแก้สมการได้คล่อง
- เทียบบัญญัติไตรยางศ์พอได้
แต่ยังไม่เข้าใจเนื้อหาบทเรียนบางเรื่อง จับ Concept หลักไม่ได้ และไม่รู้วิธีการตีโจทย์และวิธีการคิดลัด เช่น
- ตรีโกณมิติ,
- ความน่าจะเป็น,
- จำนวนวิธีเรียงสับเปลี่ยน,
- จำนวนจริง,
- อสมการของค่าสัมบูรณ์, อสมการของเลขยกกำลัง
- อนุกรม เป็นต้น
ที่สำคัญโจทย์ข้อสอบประเภทที่ต้องตีโจทย์-วิเคราะห์โจทย์นั้น น้องทั้ง 3 คนทำไม่ได้เลย เรียกว่า มืดแปดด้าน ไม่รู้จะเริ่มต้นคิดเลขอย่างไรเลย
ในบรรดาน้องทั้ง 3 คน แต่ละคนมีความสามารถในการเรียนรู้และเข้าใจไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม พี่พบว่าถึงแม้ผู้เรียนจะเข้าใจช้า แต่ถ้าเข้าใจแล้วก็จะทำข้อสอบได้ (จากประสบการณ์สอน พี่พบว่า “กว่า 80%ของน้องๆที่มาติวกับพี่ จะมีลักษณะเป็นเช่นนี้ครับ”) ดังนั้นน้องบางคนที่ตอนมาใหม่ๆหัวช้า ทำโจทย์ไม่ได้ แต่เมื่อเข้าใจแล้วก็จะทำได้ พี่สังเกตจากประสบการณ์ หลังจากที่ให้การบ้านไปทำแล้ว น้องๆทำได้มากขึ้นครับ
แนวการสอนของพี่ (ปรับตามผู้เรียน)
สำหรับแนวการสอนของน้องทั้ง 3 คน คือ พี่นำข้อสอบเก่า O-net มาสอน เน้นตะลุยโจทย์แยกเป็นแต่ละบทเรียน จากเนื้อหาบทเรียนพื้นฐานง่ายๆไปหายาก ที่ต้องใช้การวิเคราะห์โจทย์ (เริ่มสอนทบทวนจากเรื่องเลขยกกำลังก่อน) เรื่องไหนที่ไม่เข้าใจหรือทำโจทย์ไม่ได้ เช่น เรื่องตรีโกณมิติ พี่ก็จะปูพื้นให้เข้าใจ แล้วก็สั่งการบ้านให้ทำในเนื้อหาที่ได้สอนไป (เพราะข้อสอบออกแนวเดิมเป็นส่วนใหญ่) ส่วนข้ออื่นที่ทำได้เองอยู่แล้วหรือสอนไปแล้วในครั้งก่อน พี่ก็ให้น้องเขาไปทำมาเป็นการบ้านให้พี่ตรวจ
ลักษณะการสอน
- 12 ชั่วโมงแรกที่พี่สอนน้อง พี่ได้อธิบายโจทย์ข้อสอบเก่าคณิตศาสตร์ O-net ปี 49, 50,51 และ 52 พร้อมทั้งเฉลยโจทย์การบ้านในข้อที่ทำไม่ได้ ทั้งหมดครบทั้ง 4 ชุด (เฉลี่ย 3 ชม. สอนเลข O-net ได้ 1 ชุด 40 ข้อ)
- ส่วน 6 ชั่วโมงที่เหลือ พี่จะจี้เรียงตัว โดยนำโจทย์ข้อสอบที่น้องไม่เคยเจอมาให้นั่งทำตรงนั้นเลย ประมาณ 3 ชุด ""เพื่อดูการคิดของแต่ละคน – เสริมเทคนิค – ให้ความเข้าใจเชิงลึก – ย้ำเนื้อหาที่ควรรู้ – แก้จุดอ่อนของน้องๆ"" ซึ่งในระหว่างนั้นพี่ก็จะเดินอธิบาย แนะแนวการคิดให้ฟังเป็นรายบุคคลไป เรียกว่า ““จี้เรียงตัวได้ถึงใจมาก””
แต่พี่ก็เสียดายครับ เพราะถ้ามีเวลาเพิ่มอีกสัก 3 – 6 ชั่วโมง พี่คงแก้จุดอ่อนในการทำโจทย์ของน้องได้มากขึ้น
ผลงานติวเลข O-net ปี 2552 (คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 28.56 คะแนน)
1. น้องมุก ได้คะแนน O-net คณิตศาสตร์ 65 คะแนน ได้เรียนต่อที่ คณะบริหารฯ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน """น้องมุกน่าจะได้คะแนนมากกว่านี้ พี่เสียดายที่น้องมุกมาติวช้าไป ติวเพียงสองสัปดาห์ก่อนสอบ ไม่งั้นคะแนนคงได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน"""
2. น้องกวาง ได้คะแนน O-net คณิตศาสตร์ 52 คะแนน ได้เรียนต่อที่ การบินพลเรือน ซึ่งคุณพ่อและตัวน้องกวางเองดีใจมากๆ
3. น้องมะปราง ได้คะแนน O-net คณิตศาสตร์ 50 คะแนน ได้เรียนต่อที่ คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ตัวน้องมะปรางเองพอใจมากเช่นกัน
แม้ว่าน้องจะได้คะแนนน้อยกว่าที่พี่หวังไว้ แต่น้องทุกคนก็พอใจ และทั้งหมดก็ใช้เวลาเรียนเพียง 18 ชั่วโมง ภายใน 2 สัปดาห์ก่อนสอบ O-net 2552 ซึ่งถือว่ากระชั้นชิดมาก
น้องทั้ง 3 คนนั้น มีพื้นฐานเลขระดับปานกลาง คือ
- ท่องสูตรคูณได้คล่อง,
- คูณและหารเลขได้คล่อง,
- หา หรม. ครน. ได้,
- บวกลบเลขเศษส่วนได้,
- ยกกำลัง-ถอดรากได้ (root) ,
- แยกตัวประกอบเป็น เช่น (X + 5)*(X – 3) = 0
- ย้ายข้างแก้สมการได้คล่อง
- เทียบบัญญัติไตรยางศ์พอได้
แต่ยังไม่เข้าใจเนื้อหาบทเรียนบางเรื่อง จับ Concept หลักไม่ได้ และไม่รู้วิธีการตีโจทย์และวิธีการคิดลัด เช่น
- ตรีโกณมิติ,
- ความน่าจะเป็น,
- จำนวนวิธีเรียงสับเปลี่ยน,
- จำนวนจริง,
- อสมการของค่าสัมบูรณ์, อสมการของเลขยกกำลัง
- อนุกรม เป็นต้น
ที่สำคัญโจทย์ข้อสอบประเภทที่ต้องตีโจทย์-วิเคราะห์โจทย์นั้น น้องทั้ง 3 คนทำไม่ได้เลย เรียกว่า มืดแปดด้าน ไม่รู้จะเริ่มต้นคิดเลขอย่างไรเลย
ในบรรดาน้องทั้ง 3 คน แต่ละคนมีความสามารถในการเรียนรู้และเข้าใจไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม พี่พบว่าถึงแม้ผู้เรียนจะเข้าใจช้า แต่ถ้าเข้าใจแล้วก็จะทำข้อสอบได้ (จากประสบการณ์สอน พี่พบว่า “กว่า 80%ของน้องๆที่มาติวกับพี่ จะมีลักษณะเป็นเช่นนี้ครับ”) ดังนั้นน้องบางคนที่ตอนมาใหม่ๆหัวช้า ทำโจทย์ไม่ได้ แต่เมื่อเข้าใจแล้วก็จะทำได้ พี่สังเกตจากประสบการณ์ หลังจากที่ให้การบ้านไปทำแล้ว น้องๆทำได้มากขึ้นครับ
แนวการสอนของพี่ (ปรับตามผู้เรียน)
สำหรับแนวการสอนของน้องทั้ง 3 คน คือ พี่นำข้อสอบเก่า O-net มาสอน เน้นตะลุยโจทย์แยกเป็นแต่ละบทเรียน จากเนื้อหาบทเรียนพื้นฐานง่ายๆไปหายาก ที่ต้องใช้การวิเคราะห์โจทย์ (เริ่มสอนทบทวนจากเรื่องเลขยกกำลังก่อน) เรื่องไหนที่ไม่เข้าใจหรือทำโจทย์ไม่ได้ เช่น เรื่องตรีโกณมิติ พี่ก็จะปูพื้นให้เข้าใจ แล้วก็สั่งการบ้านให้ทำในเนื้อหาที่ได้สอนไป (เพราะข้อสอบออกแนวเดิมเป็นส่วนใหญ่) ส่วนข้ออื่นที่ทำได้เองอยู่แล้วหรือสอนไปแล้วในครั้งก่อน พี่ก็ให้น้องเขาไปทำมาเป็นการบ้านให้พี่ตรวจ
ลักษณะการสอน
- 12 ชั่วโมงแรกที่พี่สอนน้อง พี่ได้อธิบายโจทย์ข้อสอบเก่าคณิตศาสตร์ O-net ปี 49, 50,51 และ 52 พร้อมทั้งเฉลยโจทย์การบ้านในข้อที่ทำไม่ได้ ทั้งหมดครบทั้ง 4 ชุด (เฉลี่ย 3 ชม. สอนเลข O-net ได้ 1 ชุด 40 ข้อ)
- ส่วน 6 ชั่วโมงที่เหลือ พี่จะจี้เรียงตัว โดยนำโจทย์ข้อสอบที่น้องไม่เคยเจอมาให้นั่งทำตรงนั้นเลย ประมาณ 3 ชุด ""เพื่อดูการคิดของแต่ละคน – เสริมเทคนิค – ให้ความเข้าใจเชิงลึก – ย้ำเนื้อหาที่ควรรู้ – แก้จุดอ่อนของน้องๆ"" ซึ่งในระหว่างนั้นพี่ก็จะเดินอธิบาย แนะแนวการคิดให้ฟังเป็นรายบุคคลไป เรียกว่า ““จี้เรียงตัวได้ถึงใจมาก””
แต่พี่ก็เสียดายครับ เพราะถ้ามีเวลาเพิ่มอีกสัก 3 – 6 ชั่วโมง พี่คงแก้จุดอ่อนในการทำโจทย์ของน้องได้มากขึ้น
ผลงานติวเลข O-net ปี 2552 (คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 28.56 คะแนน)
1. น้องมุก ได้คะแนน O-net คณิตศาสตร์ 65 คะแนน ได้เรียนต่อที่ คณะบริหารฯ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน """น้องมุกน่าจะได้คะแนนมากกว่านี้ พี่เสียดายที่น้องมุกมาติวช้าไป ติวเพียงสองสัปดาห์ก่อนสอบ ไม่งั้นคะแนนคงได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน"""
2. น้องกวาง ได้คะแนน O-net คณิตศาสตร์ 52 คะแนน ได้เรียนต่อที่ การบินพลเรือน ซึ่งคุณพ่อและตัวน้องกวางเองดีใจมากๆ
3. น้องมะปราง ได้คะแนน O-net คณิตศาสตร์ 50 คะแนน ได้เรียนต่อที่ คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ตัวน้องมะปรางเองพอใจมากเช่นกัน
แม้ว่าน้องจะได้คะแนนน้อยกว่าที่พี่หวังไว้ แต่น้องทุกคนก็พอใจ และทั้งหมดก็ใช้เวลาเรียนเพียง 18 ชั่วโมง ภายใน 2 สัปดาห์ก่อนสอบ O-net 2552 ซึ่งถือว่ากระชั้นชิดมาก
พี่เสียดาย ถ้าหากน้องทั้ง 3 คนนี้มาเรียนกับพี่เร็วกว่านี้ อาจจะมาเรียนสัปดาห์ละ 1 ครั้งๆละ 3 ชั่วโมงก่อนสอบ น้องๆก็จะมีเวลาฝึกทำแบบฝึกหัดได้ หลายรอบ และมีเวลาพอที่จะเตรียมตัวสอบวิชาอื่นๆด้วย ซึ่งก็จะทำให้ได้คะแนนสอบมากกว่านี้ น้องเขายังรู้ตัวเลยครับว่า ““เสียดาย.......ที่มาเรียนช้าไป””
คำติ-ชมของน้องๆ
แนะนำเลย ยยย ครูกิ๊กใจดี เป็นกันเองมาก บรรยากาศสบายๆ
สอนเข้าใจง่าย มีวิธีการคิดที่ง่าย บางครั้งเจอในห้องเรียนยากๆ มาเจอครูกิ๊ก ง่ายไปเลย
เวลาไม่เข้าใจครูกิ๊กก้อธิบายจนเข้าใจ
โดยเฉพาะเรื่องตรีโกณ ครูกิ๊กทำให้เข้าใจขึ้นเยอะๆๆ จริงๆ
เมื่อก่อนเคยจะทิ้งเลข
แต่ก็มีครูกิ๊กที่คอยเอาแบบฝึกหัดให้ทำ
จนทำได้ ไปในห้องสอบ แล้วมันได้ใช้จริงๆๆ
ทำให้ไม่กลัวการสอบโอเน๊ตเลย
ขอบคุณครูกิ๊กมากๆนะค่ะ
ใครไม่ได้เรียนนี่คือพลาดมากก
รักครูกิ๊ก
เสียดายหนูมาเรียนกับครูช้าไปปปปปปป
: ))))))))
มะปราง
----------------------------------------------------------------------
เรียนเลขกับครูกิ๊กก่อนสอบโอเน็ต
ช่วยได้เยอะมากเลยค่ะ
บางเรื่องที่กะจะทิ้งแล้ว
แต่ก็มาเรียนกับครูกิ๊กเนี่ยแหละ
ช่วยให้ทำได้เยอะขึ้นมากๆๆ
เรื่องไหนที่มันยากๆ
ก็มีวิธีทำที่ง่ายกว่าให้ ดีมากๆเลยค่ะ
อีกอย่างบรรยากาศเป็นกันเองมาก
ครูกิ๊กใจดีมากด้วย ชอบตรงนี้แหละค่ะ ^^
เรียนแล้วช่วยได้เยอะจริงๆ
ขอบคุณมากค่ะ :)
บางเรื่องที่กะจะทิ้งแล้ว
แต่ก็มาเรียนกับครูกิ๊กเนี่ยแหละ
ช่วยให้ทำได้เยอะขึ้นมากๆๆ
เรื่องไหนที่มันยากๆ
ก็มีวิธีทำที่ง่ายกว่าให้ ดีมากๆเลยค่ะ
อีกอย่างบรรยากาศเป็นกันเองมาก
ครูกิ๊กใจดีมากด้วย ชอบตรงนี้แหละค่ะ ^^
เรียนแล้วช่วยได้เยอะจริงๆ
ขอบคุณมากค่ะ :)
น้องมุก
---------------------------------------------------------
ประสบการณ์ติว GMAT (Quantitative)
---------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น